Home เพลงสถาบัน ติวสอบ สารจากประธานฯ กระดานสนทนา กิจกรรม ลิงค์ มีฎีกามาบอก กำหนดการ
| |
- ขั้นตอนและกระบวนการในการฟื้นฟูกิจการ
(อย่างย่อ)
- หลักเกณฑ์ในการขอฟื้นฟูกิจการ
(มาตรา ๙๐/๓,๙๐/๔)
- ลูกหนี้ต้องมีหนี้สินล้นพ้น
( มีหนี้มากกว่าทรัพย์สิน )
- ลูกหนี้เป็นหนี้ไม่น้อยกว่า
๑๐ ล้านบาท และต้องเป็นหนี้ที่แน่นอน
- มีเหตุอันสมควรและมีช่องทางที่จะฟื้นฟูกิจการของลูกหนี้
- ลูกหนี้ต้องยังไม่ถูกพิทักษ์ทรัพย์เด็ดขาด
(เพราะถ้าพิทักษ์ทรัพย์แล้วอำนาจในการจัดการต่างจะตกอยู่กับ
จพท.) (มาตรา ๙๐/๕)
- ยื่นคำร้องฟื้นฟูกิจการโดยสุจริต
ข้อสังเกต
-
มีเหตุจำเป็นอันสมควร =
คือมีความเป็นไปได้ที่จะฟื้นตัวในทางเศรษฐกิจ
=
ความจำเป็นอย่างไรที่ไม่ต้องการให้ลูกหนี้ล้มละลายหรือลูกหนี้ควรจะเข้าสู่กระบวนการฟื้นฟูกิจการ
(
คือถ้าปล่อยให้เลิกกิจการไปจะกระทบใครหรือไม่
)
คนงาน
กิจการที่เกี่ยวข้อง
-
มีช่องทางที่จะฟื้นฟู
=
ได้รับการสนับสนุนจากทางสถาบันการเงินหรือบรรดาเจ้าหนี้
= ลูกหนี้มีปัญหาอะไร
เกิดมาจากอะไร ซึ่งมีอยู่ ๓
กรณี คือ โครงสร้างหนี้,โครงสร้างทุน,โครงสร้างกิจการ
- ลูกหนี้ที่เป็นนิติบุคคลเท่านั้นที่จะขอฟื้นฟูกิจการได้
- ลูกหนี้ต้องยังไม่ถูกเพิกถอนการเป็นนิติบุคคล
( มาตรา ๙๐/๕ )
- ต้องบรรยายคำร้องตามหลักเกณฑ์
มาตรา ๙๐/๖
- ต้องเสียค่าขึ้นศาลและต้องวางเงินประกัน
( ตามมาตรา ๙๐/๗ )
- การฟื้นฟูกิจการเป็นก.ม.ที่ออกมาเพื่อรักษาทรัพย์สินของลูกหนี้ไว้นอกจากรักษากิจการแล้วยังมีกระบวนการในการรวบรวมทรัพย์สินมาไว้ในกองทรัพย์สินของลูกหนี้เพื่อให้การฟื้นฟูประสบความสำเร็จต่อไป
- กระบวนการในการรวบรวมทรัพย์สินของลูกหนี้เพื่อมาใช้ในการฟื้นฟูกิจการ
- รวบรวมทรัพย์สินที่ลูกหนี้ได้โอนไปแล้ว
ถ้าการโอนนั้นเป็นการฉ้อฉล,
เป็นการให้เปรียบแก่เจ้าหนี้ให้จพท.เกถอนเพื่อเอาทรัพย์สินกลับมารวมในกองทรัพย์สิน
- การติดตามหนี้สินตามสิทธิเรียกร้อง
( คล้ายมาตรา ๑๑๙ พ.ร.บ.ล้มละลาย)
- การปฏิเสธสิทธิตามสัญญา
(คล้ายมาตรา ๑๒๒ พ.ร.บ.ล้มละลาย
)
- ผลกระทบที่จะรักษากองทรัพย์สินของลูกหนี้เอาไว้นั้นจะเริ่มต้นเมื่อใด
( Automatic Stay) (มาตรา ๙๐/๑๒)
เริ่มต้นให้มีผลตั้งแต่ศาลมีคำสั่งรับคำร้องขอให้ฟื้นฟูกิจการ
- ( Automatic Stay) มีผลอย่างไร ? M
ห้ามบุคคลอื่นดำเนินการใดๆต่อลูกหนี้
- ห้ามฟ้องให้ลูกหนี้เลิกนิติบุคคล
- ห้ามนายทะเบียนจดทะเบียนเลิกนิติบุคคลที่เป็นลูกหนี้
- ห้ามหน่วยงานราชการเพิกถอนใบอนุญาตปรพกอบกิจการของลูกหนี้
- *ห้ามฟ้องลูกหนี้เป็นคดีแพ่งเกี่ยวกับทรัพย์สิน,ห้ามเสนอข้อพิพาทต่ออนุญาโตตุลาการ,ห้ามฟ้องคดีล้มละลาย
- ห้ามบังคับคดีตามคำพิพากษาต่อทรัพย์สินของลูกหนี้
(ที่บังคับไว้แล้วให้ศาลงดการบังคับไว้)
- ห้ามเจ้าหนี้มีประกันบังคับชำระหนี้จากหลักประกันเว้นแต่ได้รับอนุญาตจากศาล
- ห้ามเจ้าหนี้บังคับชำระหนี้ได้เองตามก.ม.
- ห้ามเจ้าของทรัพย์ในการดำเนินกิจการตาม
สัญญาเช่าซื้อ,ซื้อขาย,เช่าทรัพย์,สัญญาอื่น
ติดตามเอาคืนทรัพย์ที่อยู่ในความครอบครองของลูกหนี้
เว้นแต่หลังจากศาลได้สั่งให้ฟื้นฟูกิจการแล้วมีการผิดนัดสองงวดติดต่อกันหรือทำผิดสัญญาในข้อสาระสำคัญ
- ห้ามลูกหนี้จำหน่ายจ่ายโอนหรือก่อหนี้นอกจากที่จำเป็นเพื่อดำเนินการค้าตามปกติ
- คำสั่งตามวิธีชั่วคราวให้ยึดหรืออายัด
ห้ามจำหน่ายจ่ายโอนให้ศาลระงับผลบังคับไว้หรือแก้ไขเปลี่ยนแปลง
- ห้ามผู้ประกอบกิจการสาธารณูปโภคงดให้บริการเว้นแต่ได้รับอนุญาตจากศาล
- กระบวนพิจารณาคดีฟื้นฟูกิจการ
J P
- ยื่นคำร้องฟื้นฟู ( เมื่อยื่นแล้วถอนไม่ได้เว้นแต่ศาลอนุญาต
ตามมาตรา ๙๐/๘ )
และเสนอผู้ทำแผน
- เมื่อศาลรับคำร้องแล้วจะเกิด
( Automatic Stay) ( ตามมาตรา ๙๐/๑๒ )
- ศาลจะไต่สวนคำร้องอย่างรวดเร็วโดยไม่เลื่อนเว้นแต่มีเหตุสุดวิสัย
( ตามมาตรา ๙๐/๑๑ )
- ถ้าจะคัดค้านคำสั่งรับคำร้องให้ค้านก่อนไต่สวน
๓ วัน ( ตามมาตรา ๙๐/๙วรรค ๓ )
- ศาลมีคำสั่ง (ให้ฟื้นฟูกิจการหรือยกคำร้อง
)
- สั่งยกคำร้อง
คดีก็จบแต่สามารถยื่นคำร้องใหม่ได้
(
เพราะไม่มีบทบัญญัติไว้ว่าถ้าศาลยกคำร้องแล้วคดีจะเป็นที่สุด
) และต้องปฏิบัติตาม
มาตรา ๙๐/๗๒ ด้วย
หรือจะอุทธรณ์คำสั่งยกคำร้องก็ได้ตามมาตรา
๙๐/๗๙ (๑)
- มีคำสั่งให้ฟื้นฟูกิจการ
( จะถอนคำร้องไม่ได้
ตามมาตรา ๙๐/๘)
- เมื่อศาลมีคำสั่งอนุญาตให้ฟื้นฟูกิจการแล้วศาลจะมีคำสั่ง
-
จะมีคำสั่งตั้งผู้ทำแผน
( ตามมาตรา ๙๐/๑๗ )
สั่งตั้งโดยคำสั่งศาลฝ่ายเดียว
(
กรณีที่ลูกหนี้เสนอผู้ทำแผนมาด้วย
) สั่งตั้งโดยผ่านที่ประชุมเจ้าหนี้(
ตามมาตรา ๙๐/ ๑๗,๙๐/๑๘)
- สิทธิตามก.ม.ของผู้ถือหุ้นและอำนาจหน้าที่ในการจัดการกิจการและทรัพย์สินของลูกหนี้ตกแก่ผู้ทำแผน
( ตามมาตรา ๙๐/๒๕ )
- เมื่อศาลมีคำสั่งตั้งผู้ทำแผนแล้วเจ้าหนี้ต้องยื่นขอรับชำระหนี้ต่อจ.พ.ท.ภายใน
๑
เดือนนับแต่วันโฆษณาคำสั่งตั้งผู้ทำแผนในราชกิจจานุเบกษาหรือในน.ส.พ.แล้วแต่ว่าวันใดเป็นวันหลังสุด
( ตามมาตรา ๙๐/๒๖ ) ***(
ซึ่งจะมีข้อแตกต่างจากมาตรา
๙๑ คือตามมาตรา ๙๑
มีระยะเวลาในการขอรับชำระหนี้
๒เดือนและยังอาจจะสามารถ
ขยายได้อีก ๒ เดือน )
หากไม่ยื่นขอรับชำระหนี้ภายในเวลาที่ก.ม.กำหนดไว้
เจ้าหนี้ผู้นั้นย่อมหมดสิทธิได้รับชำระหนี้ไม่ว่าการฟื้นฟูกิจการนั้นจะสำเร็จหรือไม่
เว้นแต่ -
แผนกำหนดเป็นอย่างอื่น
-
ศาลมีคำสั่งให้เลิกการฟื้นฟูกิจการ
( ตามมาตรา ๙๐/๖๑ )
- แต่อย่างไรก็ดีเจ้าหนี้มีประกันจะใช้สิทธิบังคับชำระหนี้โดยไม่ต้องขอรับชำระหนี้ก็ได้
( ตามมาตรา ๙๐/๒๘ )
- เจ้าหนี้ที่ขอรับชำระหนี้
ในการฟื้นฟูกิจการได้ถ้ามูลแห่งหนี้ได้เกิดก่อนวันที่ศาลมีคำสั่งให้ฟื้นฟูกิจการแม้หนี้นั้นยังไม่ถึงกำหนดชำระก็ตาม
เว้นแต่หนี้ที่เกิดโดยฝ่าฝืนก.ม.,ศีลธรรมอันดี,ฟ้องบังคับคดีไม่ได้
( ตามมาตรา ๙๐/๒๗ )
เจ้าหนี้,ลูกหนี้,ผู้ทำแผน
อาจขอตรวจอาจขอตรวจและโต้แย้งคำขอรับชำระหนี้ในการฟื้นฟูกิจการต่อ
จ.พ.ท.ได้ภายใน ๑๔
วันนับแต่พ้นกำหนดยื่นขอรับชำระหนี้
( ตามมาตรา ๙๐/๒๙ )
ซึ่งถ้ามีการโต้แย้งคำขอรับชำระหนี้ให้จ.พ.ท.สอบสวนและมีคำสั่งว่าจะให้เจ้าหนี้รายนั้นออกเสียงในจำนวนหนี้ได้หรือไม่เท่าใด
( ตามมาตรา ๙๐/๓๐
ประกอบมาตรา ๙๐/๒๓ วรรค ๒ )
และให้จ.พ.ท.มีคำสั่ง (
สั่งยกคำขอรับชำระหนี้หรือสั่งอนุญาตให้ได้รับชำระเต็มจำนวนที่ยื่นขอหรืออนุญาตให้ได้รับชำระบางส่วน
) ซึ่งผู้มีส่วนได้เสียอาจร้องคัดค้านคำสั่งจ.พ.ท.
ต่อศาลได้ภายใน ๑๔
วันนับแต่ทราบคำสั่งจ.พ.ท.(
ตามมาตรา ๙๐/๓๒ วรรค ๒ )
ถ้าไม่มีผู้โต้แย้งคำขอรับชำระหนี้เจ้าหนี้มีสิทธิออกเสียงลงคะแนนได้เต็มจำนวนหนี้ตามที่ได้ระบุไว้ในคำขอรับชำระหนี้(
ตามมาตรา ๙๐/๓๐ ) และจ.พ.ท.มีอำนาจสั่งอนุญาตให้ได้รับชำระหนี้ได้
เว้นแต่มีเหตุอันสมควรสั่งเป็นอย่างอื่น(
ตามมาตรา ๙๐/๓๒ )
- เมื่อศาลมีคำสั่งตั้งผู้ทำแผนแล้วให้ศาล
- แจ้งคำสั่งนั้นแก่ผู้ทำแผน,จ.พ.ท.,ผู้บริหารของลูกหนี้,ผู้บริหารชั่วคราว
( ตามมาตรา ๙๐/๒๔ )
-
แจ้งคำสั่งให้ฟื้นฟูกิจการในราชกิจจานุเบกษาและในหนังสือพิมพ์รายวันไม่น้อยกว่า
๒ ฉบับ (ตามมาตรา ๙๐/๒๑
วรรค ๓ ) ( มาตรา ๙๐/๒๔
ประกอบ มาตรา ๙๐/๒๐
วรรค ๔ )
- เมื่อศาลมีคำสั่งตั้งผู้ทำแผนแล้วให้ผู้ทำแผน
- เสนอแผนส่งต่อจ.พ.ท.ภายใน
๓
เดือนนับแต่วันโฆษณาตั้งผู้ทำแผนในราชกิจจานุเบกษาและอาจขยายได้
๒ ครั้งๆละไม่เกิน ๑
เดือน (
สุรปคือต้องทำแผนให้เสร็จสิ้นภายในเวลา
๕ เดือน ) ( ตามมาตรา ๙๐/๔๓
) โดยต้องมีรายละเอียดของแผนด้วย
( ตามมาตรา ๙๐/๔๒ )
- กรณีถ้าศาลมีคำสั่งตั้งผู้ทำแผนคนใหม่
ผู้ทำแผนคนใหม่ต้องเสนอแผนต่อจ.พ.ทภายใน
๔๕
วันนับตั้งแต่ทราบคำสั่งศาล
( ตามมาตรา ๙๐/๕๔ )
- อำนาจในการจัดการกิจการและทรัพย์สินของลูกหนี้และบรรดาสิทธิตามก.ม.ของผู้ถือหุ้นของลูกหนี้ให้ตกแก่ผู้ทำแผน(
ตามมาตรา ๙๐/๒๕ )
- ยื่นคำชี้แจงเกี่ยวกับกิจการและทรัพย์สินของลูกหนี้
( ตามมาตรา ๙๐/๓๕ ) ซึ่งถ้าไม่ปฏิบัติตามจะมีความผิด
( ตามมาตรา ๙๐/๘๓ )
- มีคำขอให้ศาลมีคำสั่งเพิกถอนนิติกรรม
( ตามมาตรา ๙๐/๔๐ ) โดยศาลมีอำนาจเพิกถอนได้
( ตามมาตรา ๙๐ /๔๑ )
- จะมีคำสั่งตั้งผู้บริหารชั่วคราว
( ตามมาตรา ๙๐/๒๐ ) (
กรณียังไม่มีการตั้งผู้ทำแผน
)
- ผู้บริหารชั่วคราวจะมีอำนาจจนกว่าจะมีคำสั่งตั้งผู้ทำแผน
( ตามมาตรา ๙๐/๒๐, ๙๐/๒๑
)
- ทำคำชี้แจงเกี่ยวกับกิจการและทรัพย์สินของลูกหนี้
( ตามมาตรา ๙๐/๓๕
ประกอบมาตรา๙๐/๓๖ )
- เมื่อตั้งผู้ทำแผนแล้วกระบวนการต่อไปที่ผู้ทำแผนจะต้องปฏิบัติคือ
ทำแผนเสนอให้แก่จ.พ.ท.
เมื่อทำแผนส่งต่อจ.พ.ท.แล้วจ.พ.ท.จะต้องดำเนินการให้มีกระบวนการพิจารณาแผน
- ในการพิจารณาแผนให้จ.พ.ท.ทำการนัดประชุมเจ้าหนี้เพื่อลงมติพิจารณาแผน
( ตาม มาตรา๙๐/๔๔ )
- การลงมติยอมรับแผนต้องเป็นมติพิเศษ
( ตามมาตรา ๙๐/๔๖ ,๙๐/๔๖
ทวิ )
โดยจะมีการแบ่งกลุ่มเจ้าหนี้ออกเป็นกลุ่มๆแล้วให้แต่ละกลุ่มออกเสียงลงมติ
( ตามมาตรา ๙๐/๔๒ ทวิ ) (
มติพิเศษดูมาตรา ๖ พ.ร.บ.ล้ม.)
- แต่ถ้าลงมติไม่ยอมรับแผน
ไม่มีมติพิเศษยอมรับ
ไม่มีมติประการใด
ไม่มีเจ้าหนี้ไปประชุม
จ.พ.ท.ต้องรายงานต่อศาลเพื่อพิจารณาและสั่งต่อไป
( ตามมาตรา ๙๐/๕๔ )
- การยอมรับแผนจ.พ.ท.ต้องรายงานมติที่ประชุมเจ้าหนี้ที่ยอมรับแผนต่อศาล
( ตามมาตรา ๙๐/๕๖ )
- ศาลจะมีคำสั่งเห็นชอบด้วยแผนเมื่อได้พิจารณาถึง
มาตรา ๙๐/๕๗ ก่อน
- ถ้าศาลเห็นชอบด้วยแผนแล้วให้ศาลแจ้งคำสั่งแก่ผู้บริหารแผนและผู้ทำแผนบรรดาสิทธิและอำนาจหน้าที่ของผู้ทำแผนจะตกเป็นของผู้บริหารแผนต่อไป(
ตามมาตรา ๙๐/๕๙)โดยศาลต้องพิจารณาแล้วว่าไม่ขัดต่อมาตรา
๙๐/๕๘
- ถ้าศาลเห็นชอบด้วยแผน
ก็จะดำเนินการไปตามแผนซึ่งจะมีผู้บริหารแผน
(จะปรากฏชื่อตามแผน)
เป็นผู้ดำเนินการให้ปฏิบัติให้เป็นไปตามแผน
- ถ้าศาลไม่เห็นชอบด้วยแผนศาลจะพิจารณาต่อไปว่าควรให้ลูกหนี้ล้มละลายหรือไม่
ถ้ากรณีได้ฟ้องล้มละลายไว้แล้วถ้าศาลเห็นควรให้ลูกหนี้ล้มละลายศาลจะมีคำสั่งยกคำร้องขอฟื้นฟูแล้วดำเนินคดีล้มละลายต่อไป
แต่ถ้าลูกหนี้มิได้ถูกฟ้องล้มละลายหรือศาลเห็นว่าไม่สมควรให้ลูกหนี้ล้มละลายก็จะมีคำสั่งยกเลิกคำสั่งให้ฟื้นฟูนั้นเสีย
( ตามมาตรา ๙๐/๕๘
ประกอบมาตรา ๙๐/๔๘ วรรค
๔ )
- ผู้บริหารแผน
ดำเนินการตามแผนให้แล้วเสร็จภายใน
๕ ปี แต่ขยายได้ ๒
ครั้งๆละไม่เกิน ๑ ปี (
ตามมาตรา ๙๐/๔๒( ๙)
ประกอบมาตรา ๙๐/๖๓ )
- ในการบริหารแผนนั้น
แผนจะสำเร็จหรือไม่ก็ตามผู้บริหารแผนต้องรายงานต่อ
จ.พ.ท.ทุกรอบ ๓ เดือน (ทุกไตรมาส)
( ตามมาตรา ๙๐/๖๖ )
ส่วนจ.พ.ท.ต้องทำรายงานเสนอศาลเพื่อให้ศาลพิจารณาสั่งต่อไป
( ตามมาตรา ๙๐/๖๖ )
ศาลก็จะมีคำสั่งยกเลิกการฟื้นฟู
-
ถ้าแผนไม่สำเร็จ
ศาลก็จะมีคำสั่ง
สั่งยกเลิกการฟื้นฟู
( ตามมาตรา๙๐/๗๐ )
สั่งพิทักษ์ทรัพย์เด็ดขาด
( กรณีเห็นสมควรให้
ล้มละลาย )
- ถ้าแผนไม่สำเร็จ ให้จ.พ.ท.รายงานศาลภายใน
๑๔
วันนับแต่ระยะเวลาดำเนินการตามแผนสิ้นสุดลง
เมื่อศาลได้รับรายงานให้ศาลนัดพิจารณาเป็นการด่วนและแจ้งวันนัดให้จ.พ.ท.ทราบและให้จ.พ.ท.แจ้งลูกหนี้และเจ้าหนี้ทราบล่วงหน้าไม่น้อยกว่า
๓
วันก่อนวันนัดพิจารณาเมื่อศาลพิจารณาแล้วให้ศาลมีคำสั่ง
สั่งยกเลิกการฟื้นฟู,สั่งพิทักษ์ทรัพย์เด็ดขาด
- เมื่อศาลมีคำสั่งให้ยกเลิกการฟื้นฟูอำนาจหน้าที่ในการดำเนินกิจการของลูกหนี้และทรัพย์ก็ตกเป็นของผู้บริหารของลูกหนี้ต่อไป
แต่ถ้าผู้บริหารลูกหนี้ยังไม่เข้าไปจัดการก็ให้
ผู้บริหารแผน,ผู้บริหารชั่วคราว,จ.พ.ท.มีอำนาจเพื่อจัดการรักษาผลประโยชน์ของลูกหนี้ตามสมควรแก่พฤติการณ์
( ตามมาตรา ๙๐/๗๑ )
- กรณีมีการขอแก้ไขแผน (
ตามมาตรา ๙๐/๔๕,๙๐/๔๘ ๙๐/๕๐
)
-
ถ้าผู้ทำแผนไม่ให้แก้ไขแผน
จ.พ.ท.จะถามที่ประชุมเจ้าหนี้ว่าจะตั้งผู้ทำแผนใหม่หรือไม่
( ตามมาตรา ๙๐/๕๑ )
ถ้าตั้งใหม่ (
ตามมาตรา ๙๐/๕๒ วรรค ๑ )
ถ้าไม่ตั้งใหม่หรือตั้งไม่ได้ให้นำมาตรา
๙๐/๔๘ วรรค ๔
มาใช้โดยอนุโลม (
ตามมาตรา ๙๐/๕๒ วรรค ๒ )
และให้ปฏิบัติต่อไป (
ตามมาตรา ๙๐/๕๑ - ๙๐/๕๕ )
- เมื่อการแก้ไขแผนศาลเห็นชอบแล้วให้ดำเนินการแก้ไขโดยนำมาตรา
๙๐/๒๐,๙๐/๔๔,๙๐/๔๕,๙๐/๔๖,๙๐/๔๗,๙๐/๕๖,๙๐/๕๘.๙๐/๖๓
มาใช้โดยอนุโลม

J
ขอให้ทุกท่านโชคดีในการสอบ
J
รวบรวมโดย นายพิพัฒน์
กิจเสถียรพงษ์
นิติศาสตรบัณฑิต,เนติบัณฑิตไทย 
|