Home เพลงสถาบัน ติวสอบ สารจากประธานฯ กระดานสนทนา กิจกรรม ลิงค์ มีฎีกามาบอก กำหนดการ
| |
- อำนาจหน้าที่ของพนักงานอัยการ
ตามวิธีพิจารณาความอาญามาตรา
๑๔๐-๑๔๗
- การส่งสำนวนการสอบสวนของพนักงานสอบสวนผู้รับผิดชอบไปยังพนักงานอัยการ
แบ่งเป็น ๒ ประเภท
- สำนวนไม่ปรากฏว่าผู้ใดเป็นผู้กระทำความผิด
(สำนวนมุมดำ)
พนักงานสอบสวนผู้รับผิดชอบจะมีความเห็นอย่างใดอย่างหนึ่งดังต่อไปนี้ส่งเสนอพนักงานอัยการ
(มาตรา ๑๔๐)
- งดการสอบสวน à
กรณีมีอัตราโทษจำคุกอย่างสูงไม่เกิน
๓ ปี
ให้พนักงานสอบสวนงดการสอบสวนและ
ทำบันทึกเหตุที่งดแล้วส่งบันทึกพร้อมสำนวนไปยังอัยการ
- ควรให้งด
การสอบสวนà
กรณีมีอัตราโทษจำคุกอย่างสูงเกิน
๓ ปี
ให้พนักงานสอบสวนส่งสำนวนให้
อัยการและพร้อมทำความเห็นที่ควรให้งดการสอบสวน
- อำนาจในการสั่งคดีของอัยการ
à สั่งให้งด,สั่งให้สอบสวนต่อไป
ซึ่งพนักงานสอบสวนต้องปฏิบัติตามนั้น
- สำนวนรู้ตัวผู้กระทำความผิด
- รู้ตัวแล้วแต่เรียกหรือยังจับไม่ได้
(มาตรา ๑๔๑) à ให้พนักงานสอบสวนทำความเห็นว่าควรสั่งฟ้องหรือสั่ง
ไม่ฟ้องส่งไปพร้อมสำนวนเสนออัยการ
- อำนาจในการสั่งคดีของอัยการ
- ถ้าเห็นชอบว่าควรสั่งไม่ฟ้อง
à
ให้ยุติการสอบสวนโดยสั่งไม่ฟ้องและแจ้งคำสั่งนี้ให้พนักงานสอบสวนทราบ
- ถ้าเห็นชอบว่าควรสอบสวนต่อไป
à
สั่งให้พนักงานสอบสวนทราบเพื่อทำการสอบสวนเพิ่มเติม
- ถ้าเห็นชอบว่าควรสั่งฟ้อง
à
ก็ให้จัดการให้ได้ตัวผู้ต้องหามา
(ออกหมายจับ,ให้ส่งผู้ร้ายข้ามแดน)
- รู้ตัวและผู้กระทำความผิดถูกควบคุม
ขัง ปล่อยชั่วคราว
เชื่อว่าคงได้ตัวมาเมื่อออกหมายเรียก
(มาตรา ๑๔๒)
à ให้พนักงานสอบสวนทำความเห็นว่าควรสั่งฟ้องหรือสั่งไม่ฟ้องเสนอส่งอัยการพร้อมสำนวน
กรณีเสนอความเห็นควรสั่งไม่ฟ้อง
à
ส่งแต่สำนวนพร้อมความเห็นให้อัยการส่วนผู้ต้องหาให้ปล่อยหรือ
ปล่อยชั่วคราว
ถ้าถูกขังอยู่ให้ขอเองหรือให้อัยการขอต่อศาลให้ปล่อย
กรณีเสนอความเห็นควรสั่งฟ้องà
ให้ส่งสำนวนและตัวผู้ต้องหาไปยังอัยการเว้นแต่ตัวผู้ต้องหาถูกขังอยู่
ตามหมายศาล
กรณีในความผิดที่พนักงานสอบสวนเปรียบเทียบได้
à
ให้เปรียบเทียบถ้าผู้กระทำความผิดยินยอมปฏิบัติ
ตามและให้บันทึกการเปรียบเทียบไว้แล้วส่ง
อัยการพร้อมสำนวน
ข้อสังเกต
-การรู้ตัวนั้นจะต้องรู้ตัวผู้กระทำความผิดได้แน่นอนพอสมควรว่าเป็นผู้ใดแม้จะไม่รู้จักชื่อ
ที่อยู่ก็ตาม
-พนักงานสอบสวนผู้รับผิดชอบ
à ดูมาตรา ๑๘,๑๙,๒๐ประกอบด้วย
- อำนาจในการสั่งคดีของอัยการ
(มาตรา ๑๔๓)
- กรณีมีความเห็นควรสั่งไม่ฟ้อง
ถ้า
เห็นด้วย à
ให้ออกคำสั่งไม่ฟ้อง
ไม่เห็นด้วย à
ให้สั่งฟ้องและแจ้งให้พนักงานสอบสวนให้ส่งตัวผู้ต้องหามาเพื่อฟ้องคดี
- กรณีมีความเห็นควรสั่งฟ้อง
ถ้า
เห็นด้วย à
ให้ออกคำสั่งฟ้องและฟ้องผู้ต้องหาต่อศาล
ไม่เห็นด้วย à
ให้สั่งไม่ฟ้อง
- ในกรณีใดตาม 1),2)
อัยการมีอำนาจสั่งดังนี้
- สั่งตามที่เห็นควร
ให้พนักงานสอบสวนสอบสวนเพิ่มเติมหรือให้ส่งพยานมาให้ซักถามเพื่อสั่งต่อไป
- สั่งให้ปล่อยตัวผู้ต้องหา
ให้ประกัน ควบคุมไว้
ขอให้ศาลขัง
ข้อสังเกต
- ในคดีวิสามัญฆาตกรรมหรือตายระหว่างอยู่ในความควบคุมของเจ้าพนักงาน
อัยการสูงสุดหรือผู้ทำการแทนเท่านั้นมีอำนาจออกคำสั่งฟ้องหรือสั่งไม่ฟ้อง
(ตามมาตรา ๑๔๓ วรรคท้าย)
-คำว่า คดีฆาตกรรม
ย่อมเข้าใจได้ว่าเป็นความผิดต่อชีวิต
แต่จะหมายถึง ป.อ.มาตรา ๒๘๘,๒๘๙
หรือรวมถึงมาตรา ๒๙๐,๒๙๑(โดยทั่วไปหมายถึงเฉพาะฐานฆ่าโดยเจตนาเท่านั้น
ตามระเบียบอัยการข้อ ๖๓)
-คำว่า ตายระหว่างอยู่ในความควบคุมของเจ้าพนักงานคือการตายเกิดขึ้นเนื่องจากการกระทำของเจ้าพนักงาน
-ปัญหาว่าถ้าการตายเกิดขึ้นจากการกระทำของบุคลอื่นซึ่งมิใช่เจ้าพนักงานจะเป็นคดีวิสามัญฆาตกรรมหรือไม่
à ถ้าถือสาระสำคัญอยู่ที่ว่าตายระหว่างควบคุมก็เป็นคดีวิสามัญฯด้วย
-ดูเรื่องการชันสูตรฯประกอบด้วยมาตรา
๑๕๐,๑๒๙
- ความผิดที่อาจเปรียบเทียบได้
(มาตรา ๑๔๔)
à กรณีอัยการมีคำสั่งฟ้องแต่เห็นว่าความผิดนั้นอาจเปรียบเทียบได้และอัยการเห็นสมควร
อัยการมีอำนาจสั่งได้ดังต่อไปนี้
- สั่งพนักงานสอบสวนให้พยายามเปรียบเทียบคดีแทนการส่งตัวไปฟ้อง
- ถ้าส่งตัวไปยังอัยการแล้วก็สั่งให้ส่งตัวกลับไปให้พยายามเปรียบเทียบ
ข้อสังเกต
เรื่องการเปรียบเทียบดู ป.วิ.อ.มาตรา
๓๗,๓๘ประกอบด้วย
- คำสั่งของอัยการซึ่งไม่ใช่คำสั่งเด็ดขาด
(มาตรา ๑๔๕)
- คำสั่งไม่ฟ้อง à
ต้องเป็นคำสั่งไม่ฟ้องและไม่ใช่คำสั่งของอัยการสูงสุด
(เพราะคำสั่งฟ้องของอัยการเป็นคำสั่งเด็ดขาดผู้ใดจะโต้แย้งคำสั่งนั้นมิได้)
-
ในกรุงเทพมหานคร à
ให้ส่งสำนวนการสอบสวนพร้อมคำสั่งเสนอ
ผบ.ตร. , รองผบ.ตร. ,ผู้ช่วยผบ.ตร.
- ในจังหวัดอื่นà
ให้ส่งสำนวนการสอบสวนพร้อมคำสั่งเสนอผู้ว่าราชการจังหวัดนั้นๆ
ในระหว่างรอคำชี้ขาดของอัยการสูงสุด
หากคดีจะขาดอายุความหรือมีเหตุจำเป็นอื่นอันจะต้องรีบฟ้องอัยการต้องฟ้องไปตามความเห็นแย้งก่อนถ้าต่อมาอสส.ชี้ขาดไม่ฟ้องค่อยมาขอถอนฟ้องต่อไป
- คำสั่งอื่น
(ตามมาตรา
๑๔๕ วรรคท้าย)
- อัยการมีคำสั่งไม่อุทธรณ์หรือไม่ฏีกา
à
อัยการต้องส่งสำนวนการสอบสวนพร้อมคำสั่งเสนอผบ.ตร.,
ผู้ว่าฯด้วย
อัยการมีคำสั่งอุทธรณ์หรือฏีกา
à
เป็นอำนาจของอัยการโดยเด็ดขาดที่จะจัดการได้เอง
- อัยการยื่นฟ้องต่อศาลชั้นต้นหรือศาลอุทธรณ์หรือศาลฏีกาต่อมาจะขอถอนฟ้อง
ถอนอุทธรณ์ ถอนฏีกา à
ไม่มีกม. ระเบียบ
ข้อบังคับใดกำหนดให้อัยการต้องแจ้งผลคำพิพากษาที่ศาลชั้นต้นยกฟ้องและความเห็นอัยการที่ไม่อุทธรณ์
ฏีกา
ดังนั้นเมื่ออัยการไม่ได้แจ้งให้ผู้เสียหายทราบจึงไม่ถือว่าเป็นความผิดต่อกม.
(ฎ.๑๗๓๙/๓๐)
- การจัดการเมื่อมีคำสั่งเด็ดขาดไม่ฟ้อง
(มาตรา ๑๔๖)
- แจ้งคำสั่งให้ผู้ต้องหาหรือผู้ร้องทุกข์ทราบ
- ถ้าผู้ต้องหา ถูกขัง
ถูกควบคุมตัวอยู่ให้จัดการปล่อยตัวไปหรือขอให้ศาลปล่อยตัว
ข้อสังเกต ดู ร.ธ.น.มาตรา
๒๔๑,ป.วิ.อมาตรา ๓๔ประกอบ
- ผลของคำสั่งเด็ดขาดไม่ฟ้อง
(มาตรา ๑๔๗)
à จะสอบสวนผู้ต้องหาคนนั้นอีกไม่ได้
ไม่ว่าในฐานความผิดเดิมหรือฐานความผิดใหม่เว้นแต่จะปรากฏพยานหลักฐานใหม่อันสำคัญแก่คดีที่จะทำให้ศาลลงโทษได้
ข้อสังเกต
กรณีที่ผู้ต้องหารับสารภาพและนำชี้ที่เกิดเหตุเป็นที่น่าเชื่อว่าเป็นความจริงก็น่าจะเป็นหลักฐานใหม่อันสำคัญแก่คดี

ขอให้ทุกท่านโชคดีในการสอบครับ
ผู้รวบรวม....นายพิพัฒน์
กิจเสถียรพงษ์ นิติศาสตรบัณฑิต,
เนติบัณฑิตไทย
|